
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศข่าวดีให้ผู้ถือหุ้น ด้วยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก 6.6 พันล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น หลังจากทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน
บริษัทรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท หรือ 4.6 พันล้านบาทหากปรับปรุงรายการพิเศษแล้ว การจ่ายปันผลครั้งนี้คิดเป็นอัตรา 125% จากกำไร 9 เดือนแรกที่ 5.2 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน อธิบายว่าการจ่ายปันผลครั้งนี้ยืนยันความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบผลตอบแทนควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินและการเติบโตอย่างมีกำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ถือหุ้นรอคอยมาตลอด
ความสำเร็จครั้งนี้มาจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึง 21.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ต้นทุนโครงข่ายลดลง 16.3% จากการได้รับประโยชน์จากการจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่และการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย
ผลจากการบริหารที่ดีทำให้ EBITDA หรือกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เติบโต 7.9% อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวขึ้นเป็น 65.3% เพิ่มขึ้น 5.1 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อน แสดงให้เห็นว่าบริษัททำกำไรได้ดีขึ้นจากทุกบาทที่ได้รับ
แม้จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะลดลงเหลือ 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.4 ล้านเลขหมายหรือ 4.8% จากปีก่อน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง แต่บริษัทมุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการลดลงเพียง 0.6% อยู่ที่ 4.13 หมื่นล้านบาท
ในด้านบวก ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเติบโต 2.0% เป็น 3.8 ล้านราย ขณะที่ผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 15.5 ล้านราย แสดงให้เห็นว่าลูกค้าเริ่มหันมาใช้บริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม เผยว่านับตั้งแต่การควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ บริษัทบันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 7.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์การรวมกิจการ
ที่สำคัญ บริษัทไม่ได้หยุดแค่การทำกำไรในปัจจุบัน แต่ยังมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย
อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 4.2 เท่า ลดลงจากปีก่อน ขณะที่บริษัทยังคงลงทุนอย่างมีวินัยโดยค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท หรือ 15% ของยอดขาย
ติดตามข้อมูลข่าวสารน่าสนใจได้ทาง www.zanzab.com และช่องทางโซเชียล
Facebook , YouTube , Instagram และ Tiktok






