
ในยุคที่ธุรกิจแพลตฟอร์มเรียกรถกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเมือง แกร็บ ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ไม่ใช่แค่การแข่งขันในตลาด แต่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับกรอบกฎหมายที่ยังไม่ทันโลก
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ต้องออกแบบกลยุทธ์ใหม่เพื่อผลักดันคนขับในระบบให้ทำใบขับขี่สาธารณะและจดทะเบียนรถรับจ้าง ตามระเบียบของ กรมการขนส่งทางบก
สิ่งที่แกร็บทำคือการลงทุนอย่างจริงจัง โดยอัดงบสนับสนุนคนขับด้วยอินเซนทีฟและสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 7,000 บาท ต่อคน พร้อมส่งทีมงานไปช่วยอำนวยความสะดวกที่สำนักงานขนส่งใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และขอนแก่น
ผลลัพธ์ที่ได้คือมีคนขับที่มีใบขับขี่สาธารณะแล้วหลายหมื่นคน แต่การก้าวต่อไปสู่การจดทะเบียน รย.18 กลับกลายเป็นกำแพงที่สูงเกินไป
ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่เงื่อนไขการครอบครองรถ ซึ่งกฎหมายบังคับให้ผู้จดทะเบียนต้องเป็นเจ้าของรถเท่านั้น ขณะที่ในโลกความจริง คนขับจำนวนมากยังติดไฟแนนซ์หรือเช่ารถจากบริษัทปล่อยเช่า นายวรวุฒิ วันสูงเนิน คนขับที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอป เล่าให้ฟังถึงความรู้สึกของคนขับที่ต้องการทำงานอย่างถูกต้องแต่กลับติดอยู่กับกระบวนการที่ซับซ้อนและเงื่อนไขที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
แกร็บจึงหันไปมองหาแรงบันดาลใจจากเพื่อนบ้าน โดยชี้ไปที่ มาเลเซีย ที่พัฒนาระบบดิจิทัลสำหรับการจดทะเบียนรถที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ด้วยการปรับกระบวนการให้มีความยืดหยุ่น ไม่ระบุรหัสประเภทรถในสมุดคู่มือ แต่ใช้ระบบออนไลน์แทน ซึ่งทำให้คนขับกล้านำรถไปจดทะเบียนมากขึ้น
แกร็บแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อพัฒนากระบวนการให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล และเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถสร้างรายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังต้องการกำลังคนที่มีรายได้มั่นคงมากที่สุด
ติดตามข้อมูลข่าวสารน่าสนใจได้ทาง www.zanzab.com และช่องทางโซเชียล
Facebook , YouTube , Instagram และ Tiktok






